
Translation | ![]() |
Translation | ![]() |
ข้อมูล โลตัส วัลเล่ย์ กอล์ฟ รีสอร์ท
“โลตัส วัลเล่ย์ กอล์ฟ รีสอร์ท เปิดให้บริการมาแล้วตั้งแต่ปีพ.ศ. 2551 หลังจากนั้นได้เปลี่ยนชื่อและออกแบบสนามฯ ใหม่ จากสนามฯ ที่มีมาตรฐานทั่วไปให้กลายเป็นสนามกอล์ฟที่ดูท้าทายน่าสนใจยิ่งขึ้น ซึ่งสร้างความโดดเด่นของเลย์เอ้าท์ให้ดูตื่นเต้น ทั้งนี้ golfguidethailand ได้กล่าวถึงสนามกอล์ฟโลตัส วัลเล่ย์ฯ ไว้ว่า “เจ้าหน้าที่ของสนามฯ ได้ดูแลสนามฯ และมีระบบการจัดการสภาพแวดล้อมโดยรอบสนามให้ดูดีและน่าสนใจยิ่งขึ้นไม่ใช่เพียงแค่กรีนเท่านั้นที่ท้าท้ายความสามารถของนักกอล์ฟ”
เราได้ทำให้สนามมีมาตรฐาน อันถูกสร้างสรรค์จากออกแบบ Gary Player ให้กลายเป็นสนามที่ดีขึ้นกว่าเดิม! นักกอล์ฟจะรู้สึกถึงความสนุกที่แท้จริง ในทุกรอบการแข่งขันที่ โลตัส วัลเล่ย์ กอล์ฟ รีสอร์ท
ขณะที่คุณออกรอบทื่ โลตัส วัลเล่ย์ กอล์ฟ รีสอร์ท คุณจะรู้สึกว่ากำลังก้าวไปสู่สนามกอล์ฟ โดยต้นกำเนิดที่แท้จริง ไม่มีสนาม กอล์ฟแห่งใดที่ยังคงความดั่งเดิมของการออก แบบโดย Gary Player ได้ดีเท่ากับสนามกอล์ฟแห่งนี้ ซึ่งโดยแท้จริงแล้ว สนามกอล์ฟที่ออกแบบโดย Gary Player จะคงไว้ซึ่งความเป็นต้นกำเนิดของกีฬากอล์ฟแห่งประเทศสก็อตแลนด์ ที่โลตัส วัลเล่ย์ กอล์ฟ รีสอร์ท มีการตัดแฟร์เวย์ชิดขอบรอบกรีนให้มีความสวย งามเด่นชัด และยังมีน้ำล้อมรอบเกือบทุกหลุมเพื่อสร้างอรรถรสเกมส์การเล่นให้สนุกยิ่งขึ้น
โลตัส วัลเล่ย์ กอล์ฟ รีสอร์ท เป็นสนามกอล์ฟที่ค่อนข้างเงียบสงบมีความเป็นส่วนตัว สนามฯ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของกรุงเทพฯ ระยะทางประมาณ 50 นาทีจากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เรานำเสนอความสมดุลอย่างลงตัวภายใต้สนามฯที่ทันสมัย ได้มาตรฐานการออกแบบและมีคุณภาพสูงสุด ซึ่งโลตัส วัลเล่ย์ กอล์ฟ รีสอร์ท มี 18 หลุม พื้นที่ทั้งหมดมีความยาว 7,015 หลา 72 พาร์
ในแต่ละหลุมมีลักษณะความโดดเด่นไม่ซ้ำกัน มีทั้งหลุมที่ตีง่ายเพื่อนำลูกกอล์ฟไปสู่กรีนอย่างง่ายดาย รวมทั้งหลุมที่ยากพอที่จะทำเบอร์ดี้ได้เช่นกัน
สนามฯ ได้รับการออกแบบใหม่โดย Jon Morrow และ บริษัท TurfPro Golf โดย Craig Bertram ประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เรายังคงรักษาบริเวณรัฟไว้ให้เหมือนเดิม เพียงแต่ปรับเปลี่ยนรูปร่างใหม่ของกรีนให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นโดย Bertram
โลตัส วัลเล่ย์ กอล์ฟ รีสอร์ท ได้เปิดให้บริการใหม่หลังจากได้ปิดปรับปรุงสนาม ปัจจุบันนี้ โลตัส วัลเลย์ กอล์ฟ รีสอร์ท กลายเป็นที่นิยมของเหล่านักกอลฟ์ และมีชื่อเสียงโด่งดัง นักกอล์ฟเดินทางมาสนามกอลฟ์ฯ อย่างล้นหลามในแต่ละวันจากเส้นทางกรุงเทพมหานคร
นอกจากมีรูปร่างลักษณะของสนามกอล์ฟที่ท้าทายความสามารถของนักกอล์ฟแล้ว สภาพบรรยากาศชานเมืองที่ปกคลุมด้วยสิ่งแวด ล้อมและอากาศที่ดี ก็สร้างความพึงพอใจให้กับนักกอล์ฟที่มาเยือนเสมอ
คลับเฮ้าส์และสิ่งอำนวยความสะดวกระดับมาตรฐานควบคู่กับสนามกอล์ฟที่เหมาะกับนักกอล์ฟทุกระดับทักษะการเล่น เพียงแค่นี้ก็สามารถสร้างความประทับใจให้กับนักกอล์ฟที่มองหาสถานที่สำหรับการพักผ่อนและออกรอบในเมืองไทย
สนามฯ ที่ได้มาตรฐานมีความสมบูรณ์และลงตัวอย่างเห็นได้ชัด เป็นสนามฯ ที่ทันสมัยได้คุณภาพซึ่งสร้างความท้าทายให้กับนักกอล์ฟ สนามฯ นำเสนอให้นักกอล์ฟทุกท่านเปิดโอกาสให้ตนเองค้นหาประสบการณ์ในบูติคกอล์ฟคลับที่พิเศษแห่งนี้
Slope / Rating
แท่นทีออฟ |
Slope |
Rating |
ดำ |
133 |
73.1 |
น้ำเงิน |
129 |
71.3 |
ขาว |
124 |
69.4 |
แดง |
129 |
71.5 |
หญ้า
Tees |
Seashore Paspalum |
Fairways |
Seashore Paspalum |
Greens |
Sea Isle 2000 |
Rough |
Bermuda 419 |
ความยาวของสนาม (หลา)
แท่นสีดำ |
7,015 |
แท่นสีน้ำเงิน |
6,527 |
แท่นสีขาว |
6,147 |
แท่นสีแดง |
5,506 |
โลตัส วัลเล่ย์ กอล์ฟ รีสอร์ท ทำการคอร์ริ่งกรีนประมาณ 2 ครั้งต่อปี ถือว่ารบกวนเกมส์การเล่นกอล์ฟของนักกอล์ฟน้อยมากก็ว่าได้
สำรวจแต่ละหลุมของ โลตัส วัลเล่ย์
หากคุณไม่มีโอกาสมาสัมผัสบรรยากาศที่นี่ด้วยตัวคุณเอง เราขอแนะนำให้คุณเข้าไปเยี่ยมชมเวปไซต์ของเราและศึกษาข้อมูลรายละ เอียดของแต่ละหลุม คลิก แล้วคุณจะรู้สึกอยากมาสัมผัสบรรยากาศและออกรอบที่ โลตัส วัลเล่ย์ กอล์ฟ รีสอร์ท
ด้วยรูปร่างของแฟร์เวย์และบังเกอร์ที่อยู่รอบๆกรีน เป็นสิ่งที่สร้างความท้าทายและตื่นเต้นให้กับนักกอล์ฟเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ใช่สิ่งที่ยากเกินไปที่จะทำให้ลูกกอล์ฟตกไปที่แต่ละกรีน โลตัส วัลเล่ย์ เปิดให้บริการตลอดทั้งปี และเนื่องด้วยอุณหภูมิที่ร้อนถึงอบอุ่นของเขตกรุง เทพฯ และปริมณฑลซึ่งจะทำให้หญ้าแข็งแรงขึ้น และเขียวชอุ่มมากยิ่งขึ้นในช่วงฤดูฝน
Derek Schade ผู้จัดการทั่วไป แนะนำให้มาออกรอบที่ โลตัส วัลเล่ย์ กอล์ฟ รีสอร์ท ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกสนามกอล์ฟในการออกรอบ เราควรฟังคำแนะนำจากผู้ที่รู้จริงเรื่องกอล์ฟ
Derek Schade ผู้จัดการทั่วไป แนะนำความรู้เกี่ยวกับการออกรอบที่ โลตัส วัลเล่ย์
1. นักกอล์ฟจะเริ่มออกรอบที่หลุม 1 อย่างไรดี
เนื่องจากหลุม 1 คือหลุมที่เริ่มช็อตแรกของนักกอล์ฟด้วยหัวไม้ 3 ซึ่งถ้าหากตีช็อตแรกได้ดี ก็อาจจะเป็นการปูทางไปสู่ความสำเร็จของช็อตถัดไป เนื่องจากกรีนที่มีการยกระดับที่ต่างกันจากด้านหน้าไปด้านหลัง อีกทั้งล้อมรอบด้วยหลุมทรายทั้งด้านหน้าขวาและซ้าย สำหรับนักอล์ฟแล้วนั้นหลุม 1 คือการเปิดโอกาสให้กับกับตัวเองในการใช้ไม้ไดร์ฟเวอร์เพื่อตีให้พ้นจากน้ำทางด้านซ้าย
2. หลุมพาร์ 5 ที่ดีที่สุด คือหลุมไหน
หลุม 18 พาร์ 5 เป็นหลุมที่ค่อนข้างยาว (599 หลา) อาจจะเป็นหลุมที่อยู่ในความทรงจำของนักกอล์ฟหลายๆท่านได้เป็นอย่างดีก่อนจบเกมส์การแข่งขัน อย่างไรก็ตามหลุม 7 ก็อาจถือว่าเป็นหลุมที่ดีกว่า ซึ่งมีเขตอุปสรรคน้ำทางด้านขวามือ มีจุดโอบีด้านซ้ายจากจุดทีออฟ อีกทั้งมีความลาดเอียงของกรีนและล้อมด้านหน้าขวาของกรีนด้วยหลุมทรายที่ลึกทีเดียว ซึ่งหลุม 7 มีระยะ 587 หลาจากแท่นทีออฟสีดำ อย่างไรก็ตามนักกอล์ฟหลายๆ ท่านก็อาจจะตีที่แท่นทีออฟสีน้ำเงินหรือขาว ซึ่งมีระยะอยู่ที่ 560 หลา
3. หลุมพาร์ 3 ที่ดีที่สุด คือหลุมไหน
หลุมพาร์ 3 ที่ดีที่สุดควรจะเป็นหลุม 8 ซึ่งสามารถตีได้ถึงระยะ 212 หลา จากแท่นทีออฟสีดำของโปรฯ หรือตีระยะสั้นได้ถึง 113 หลาจากแท่นทีออฟสีแดง และเนื่องด้วยลักษณะของกรีนที่เหมือนเกาะล้อมรอบด้วยน้ำด้านซ้าย ขวา และตรงกลาง ฉะนั้นแล้วนักกอล์ฟอาจจะต้องตีลูกกอล์ฟให้พ้นน้ำจนถึงบนกรีน
4. หลุมที่เล่นยากที่สุดในสนามฯ คือหลุมไหน
หลุม 6 คือหลุมที่เล่นยากที่สุด และที่พาร์ 4 ซึ่งมีระยะ 437 หลา นักกอล์ฟจะต้องผ่าน หลุมพาร์ 3 พาร์ 4 สั้น พาร์ 4 สั้นอีกครั้งหนึ่ง และหลุม 6 ซึ่งยากที่สุด แฮนดิแคป 1 ซึ่งนักกอล์ฟจำเป็นต้องใช้เหล็กยาวหรือหัวไม้ และบ่อยครั้งที่ต้องใช้ไม้กอล์ฟเบอร์หนึ่งจนกระทั่งเรื่อยๆไป
นักกอล์ฟอาจต้องใช้ความอดทนพยายามสูงที่จะต้องตีให้ผ่านน้ำด้านซ้ายของแฟร์เวย์ที่แคบเพื่อไปสู่เป้าหมาย ครึ่งหลุมหลังซึ่งมีลักษณะเป็นด๊อกเล็กหรือหักมุมด้านซ้าย อาจต้องตีช็อตสูงเพื่อให้ไปถึงกรีนที่ยกระดับสูงกว่าแฟร์เวย์ โดยปกติแคดดี้จแนะนำให้ใช้ไม้กอล์ฟสองเบอร์หรือเบอร์หนึ่ง เพื่อตีให้ผ่านจุดนี้ให้ได้
ณ จุดนี้หากนักกอล์ฟไม่ได้ใส่ใจกับคำแนะนำของแคดดี้ นักกอล์ฟอาจจะตีตกหลุมทราย ซึ่งมีระยะห่างประมาณ 40 หลาจากตกกลางของกรีนไปสู่หลุม
ครึ่งหน้าของกรีนที่ค่อนข้างใหญ่ ลาดเอียงไปสู่แฟร์เวย์ และมีครึ่งหลังกรีนที่ลาดเอียงเล็กน้อยออกไป ซึ่งเป็นสิ่งท้าทายความสามารถนักกอล์ฟอีกจุดหนึ่ง หลุม 6 เป็นหลุมที่นักกอล์ฟจะต้องใช้ความคิดและเป็น 1 ใน 4 หลุมที่ท้าทายความสามารถของนักกอล์ฟที่จะต้องจบ 9 หลุมแรกให้ได้
5. หลุมไหนที่เป็นหลุมสัญลักษณ์ของ โลตัส วัลเลย์
หลุม 3 พาร์ 3 ถือว่าเป็นหลุมสัญลักษณ์ของโลตัส วัลเลย์ นับตั้งแต่ Gary Player ได้ออกแบบสนามฯ มาหลุม 3 ถูกล้อมรอบด้วยน้ำทั้ง 3 ด้าน ซึ่งนักกอล์ฟจะต้องตีลูกกอล์ฟมาทางด้านซ้ายของกรีนเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำความยาวประมาณ 164 หลาจากแท่นทีออฟด้านหลังสุด ลักษณะของกรีนคล้ายกับลักษณะของเกาะเพราะฉะนั้นแล้วนักกอล์ฟต้องคอยระวัง และพิจารณาถึงทิศทางของลมที่จะมาทางด้านซ้ายของนักกอล์ฟด้วย
ความรู้อื่นๆเพิ่มเติมจาก golfguidethailand.com
หลุม 3 พาร์ 3 ระยะ 158 หลา เป็นหลุมพาร์ 3 หลุมแรกที่ตั้งตำแหน่งได้ดีที่สุด แม้จะมีระยะที่สั้น แต่ก็มีน้ำเป็นอุปสรรคทั้งด้านขวา ด้านหน้าและหลุมทรายทั้งสองด้านหน้า ซึ่งก็ยากอยู่พอสมควรที่จะทำพาร์และทำให้ลูกกอล์ฟตกไปสู่กรีนได้
กรีนมีลักษณะหักมุมจากซ้ายไปขวาและขึ้นอยู่กับตำแหน่งหลุมธงในแต่ละหลุมด้วย ซึ่งจะต้องตีลูกสั้นให้ตรงลากยาวให้ไกลไปสู่กรีน แต่ก่อนตีนักกอล์ฟจะต้องใช้เวลาคิดให้มาก เนื่องจากระดับความลดหลั่นของกรีนที่ลาดเอียงแตกต่างกัน
หลุม 10 พาร์ 4 ระยะ 328 หลา เป็นหลุมที่น่าสนใจ ท้าทายนักกอล์ฟเช่นกัน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตีลูกกอล์ฟไปสู่กรีน หรือตีโดยไม่ให้ตกน้ำ เนื่องจากมีน้ำที่กว้างยาวอยู่ด้านซ้ายเป็นอุปสรรคและมีหลุมทรายที่ยาวตรงขวางอยู่ นักกอล์ฟจึงต้องตีลูกกอล์ฟด้วยความฉลาดและแตะลูกกอล์ฟด้วยหัวไม้เพื่อไปสู่เป้าหมายให้ได้
หลุม 16 พาร์ 4 ระยะ 392 หลา อีกหลุมหนึ่งที่สร้างความตื่นเต้นให้กับนักกอล์ฟไม่แพ้กัน เนื่องจากมีน้ำที่กว้างยาวอยู่ด้านซ้ายเป็นอุปสรรคและมีหลุมทรายขวางอยู่ด้านขวา ดังนั้นแล้วนักกอล์ฟจึงต้องคิดให้ดีก่อนตีลูกกอล์ฟไปสู่กรีนตรงกลาง
แนวหินถูกตั้งเรียงอย่างสวยงามให้เห็นฝั่งน้ำด้านซ้ายของกรีน แท้จริงแล้วเป็นอุปสรรคที่ผ่านไปให้ได้ อีกทั้งยังมีหลุมทรายทั้งด้านซ้ายและขวาเป็นกับดัก จึงอาจไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำเบอร์ดี้ได้ในหลุมนี้
“หลุมนี้ไม่ได้มีความลดหลั่นของระดับกรีนมากนัก แต่มีความลาดเอียงของกรีนออกจากระยะของนักกอล์ฟ ซึ่งการพัทระดับปานกลาง แต่เป็นการพัทที่ดีจะช่วยคุณได้ หลุมพาร์ 3 ในแต่ละหลุมนักกอล์ฟจำเป็นต้องคัดเลือกใช้ไม้กอล์ฟต่างเบอร์กัน และก่อนตีแต่ละช็อตต้องคิดให้ดีก่อน เนื่องจากแต่ละหลุมมีลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิญของระยะ อีกทั้งหลุมพาร์ 5 เป็นหลุมที่ท้าทายความสามารถและมักจะสร้างความสนุกให้กับนักกอล์ฟทุกครั้งที่ออกรอบที่นี่”
จาก golfguidethailand.com
โทรศัพท์ +66(0)38 835-555